Election Commission of Thailand

ชี้แจงกรณี คดีฮั้วเลือก สว. จะได้ไปต่อ ? หรือไม่ได้ไปต่อ ? ก็อยู่ที่เลขาธิการ กกต. ไม่เป็นความจริง

ข่าวประชาสัมพันธ์
10 มีนาคม 2568
9
0

     ตามที่ คอลัมน์สำนักข่าวหัวเขียว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 10 มีนาคม 2568 หัวข้อ “คนนี้ใหญ่มาก” ได้นำเสนอบทความว่า “มีผู้นำหลักฐานการฮั้วเลือกตั้งมายื่นให้ กกต. เป็นจำนวนมากถึง 577 เรื่อง .... สรุปว่า 9 เดือนที่ผ่านไป กกต. ได้สั่งยกคำร้องฮั้วเลือกตั้ง สว. ไปอย่างเงียบๆ  ถึง 284 เรื่อง เท่ากับคำร้องฮั้วเลือกตั้ง สว. ถูกตีตกไปแล้วเกินครึ่ง !! จึงเหลือคำร้องที่ยังค้างท่ออีก 287 เรื่อง ยังค้างเติ่งอยู่ที่คณะอนุกรรมการอีก 100 เรื่อง ยังรอให้ “นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.” สั่งการอีก 106 เรื่อง ถ้าเลขา ฯ กกต. สั่งยกคำร้องก็จอดป้าย ถ้าเลขา ฯ กกต. เปิดไฟเขียวก็เสนอที่ประชุม กกต. ได้ สรุปคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. จะได้ไปต่อ ? หรือไม่ได้ไปต่อ ? ก็อยู่ที่เลขา ฯ กกต. นี่แหละท่าน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลขา ฯ กกต. ใหญ่กว่าประธาน กกต. ซะอีกว่ะ.” นั้น

     สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเรียนว่า ไม่เป็นความจริง และขอชี้แจงการจัดทำคำร้อง/สำนวน ดังนี้

     1. การพิจารณาคำร้อง/สำนวน

         คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 โดยมีหลักการในการทำคำร้อง/สำนวน คดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับหรือการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ดังนี้

          1.1 หลักความเป็นอิสระ ทุกขั้นตอนของการพิจารณาคำร้อง/สำนวน เป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน

         1.2 หลักการไม่แทรกแซง ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใด ไม่สามารถแทรกแซงในระหว่างการพิจารณาทำคำร้อง/สำนวน ในทุกขั้นตอน

         1.3 หลักความเป็นธรรม เปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและหลักฐานเกี่ยวกับคำร้อง/สำนวน และรวบรวมพยานหลักฐานจนสิ้นกระแสความ

         1.4 หลักการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ทุกคำร้อง/สำนวน จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง เช่น คำร้องที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สั่งไม่รับคำร้อง หรือยกคำร้อง ไม่ว่าชั้นใด ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาทุกคำร้อง/สำนวน

     2. ขั้นตอนการพิจารณาคำร้อง/สำนวน

        ชั้นที่ 1 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้รับสำนวนแล้ว ให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนและจัดทำความเห็นเพื่อเสนอให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมีความเห็นประกอบสำนวน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) โดยเร็ว

        ชั้นที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) ได้รับสำนวนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแล้ว ให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวน ดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมาย)

        ชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอสำนวนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา

        ชั้นที่ 4 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับสำนวนจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว  

     3. การสั่งและทำความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

         เลขาธิการ กกต. ได้มีคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมายงานให้รองเลขาธิการ กกต. จำนวน 2 คน ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. ในการสั่งหรือทำความเห็นในสำนวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองของการเลือกตั้งทุกระดับ การเลือกสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้ถือปฏิบัติตามลักษณะดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด กรณีคอลัมน์ดังกล่าวเขียนว่า “มีสำนวนยังค้างเติ่งอยู่ที่คณะอนุกรรมการอีก 100 เรื่อง ยังรอให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. สั่งการอีก 106 เรื่อง ถ้าเลขา ฯ กกต. สั่งยกคำร้องก็จอดป้าย” ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะรองเลขาธิการ กกต. ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. จะเป็นผู้สั่งแทน แม้ว่ารองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่แทน จะสั่งสำนวนอย่างไร เช่น ไม่รับคำร้อง หรือยกคำร้อง หรือมีการสั่งสำนวนในขั้นตอนใด ต้องเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาทุกกรณี

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน